วันที่ 17 มค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามแหล่งท่อง เซ็กซี่บาคาร่า เที่ยวทางทะเลของจังหวัดกระบี่ปรากฏว่าที่อ่าวมายา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเกาะพีพี และ จ.กระบี่ ได้มีนักท่องเที่ยวจำนวนหลายพันคนเดินทางด้วยเรือสปีดโบทมาทั้งจาก จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ ทำให้ชายหาดอ่าวมาหยาเนื่องแน่นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจนแทบจะไม่มีที่เดิน ขณะที่ชายหาดอื่นๆก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเช่นเดียวกัน แม้จะไม่แออัด เช่นที่เกาะไผ่ ทะเลแหวก และเกาะปอดะ
นายเอกวิทย์ ภิญโญธรรมโนทัย ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่
กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดกระบี่ ในขณะนี้ถือว่ามีจำนวนมากและเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวยังเท่าเดิม ส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาตามมาทั้งปัญหาขยะ เสียง รวมทั้งจำนวนเรือที่หนาแน่น ที่ผ่านมาจึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง “สิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ จะต้องหามาตรการซึ่งคงต้องถึงเวลาจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา เช่น ให้ผู้ประกอบการแจ้งการเข้าพื้นที่ก่อนเดินทางมา เมื่อถึงจำนวนที่รับได้ก็ให้เลื่อนเป็นวันถัดไปเป็นต้น หรือแนวทางอื่นๆ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่เหมือนมาเดินตลาดนัดที่ผู้คนเต็มชายหาดแบบปัจจุบันนี้”นายเอกวิทย์ กล่าว
พิสูจน์หลักฐานลงตรวจสอบเรือสปีดโบ๊ทเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง คาด 3-4 วันจะทราบผล เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้(17ม.ค.)ที่ท่าเทียบเรือโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ตเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าที่ภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานอย่างละเอียดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของบนเรือ สตกมล 333 และเรือพิมพ์รชา 5 เพื่อเก็บรายละเอียดนำไปวิเคราะห์ หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน จึงจะทราบผล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าที่ภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ได้ตรวจสอบโครงสร้างตัวเรือว่า ถูกต้องตามประเภทของการได้รับอนุญาตหรือไม่ รวมถึงโครงสร้างตัวเรือด้วย
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องการตรวจสอบเรือต่างๆ ที่จะออกจากท่าเทียบเรือภูเก็ตนั้น ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการในการตอกย้ำและทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้ ซึ่งสำหรับเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ทชนกันนั้นเกิดจากความประมาทของคนขับเรือ
“ได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบไปแล้วสำหรับเรื่องเรือนั้นจะต้องมีการตรวจสอบสภาพก่อนที่จะมีการปล่อยเรือออกจากท่าฯ จะต้องมีการเช็คลิส และทุกอย่างต้องพร้อมทั้งหมด
เนื่องจากท่าเทียบเรือสาธารณะเรามีไม่เพียงพอ จึงทำให้มีท่าเรือของเอกชนกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในแต่ละอ่าวจะต้องมีจุดเช็คพอยท์ ซึ่งเรือทุกลำที่นำนักท่องเที่ยวออกไป จะต้องมีรายชื่อของนักท่องเที่ยวทุกคนและสัญชาติอะไร ซึ่งได้ย้ำมาตั้งแต่ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งเมื่อเกิดเหตุก็จะทำให้ทราบได้ทันที ส่วนท่าเทียบเรือสาธารณะนั้นก็ได้ให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีที่สามารถจับใบหน้าของผู้ขึ้นลงเรือ เพราะหากเรามีข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อเกิดเหตุขึ้นการช่วยเหลือต่างๆ ก็จะทำได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น และจะไม่มีความสับสน เช่น กรณีเหตุที่เกิดขึ้นที่จ.กระบี่ก็จะมีข้อขัดแย้งในเรื่องจำนวนกันอยู่ ทั้งก่อนถึงช่วงตรุษจีนก็จะได้มีการตรวจสอบความพร้อมและเน้นย้ำกันอีกครั้งรวมทั้งจะมีการประสานกับทาง จ.กระบี่ ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน โดยเมื่อมีเรือออกจากภูเก็ตก็จะต้องมีการส่งข้อมูลไปให้ทาง จ.กระบี่ทราบด้วย เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็จะได้ทราบทันทีว่ามีเรือเข้ามา”
นายนรภัทร กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ล่าสุดซึ่งพบว่าเกิดจากความประมาท ซึ่งได้เน้นย้ำไปกับเจ้าหน้าที่การท่าฯ แล้วว่า ก่อนที่จะปล่อยเรือออกไปนั้นทุกอย่างต้องมีการตรวจความพร้อมทั้งตัวเรือ กัปตันและพนักงานประจำเรือซึ่งจะต้องมีบัตรตรงกับผู้ปฏิบัติงานจริง และจะตรวจแบบฉาบฉวยไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นอำนาจของเจ้าท่าฯ ที่จะต้องมีการบังคับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการ กอ.รมน.ซึ่งได้มีการใช้อำนาจในทางปฏิบัติที่ได้รับมอบเพราะหลายส่วนราชการไม่ได้อยู่ในการกำกับของผู้ว่าฯ แต่อยู่ภายใต้การกำกับของราชการส่วนกลาง
ในพื้นที่สีแดงเข้ม รวมถึงกรุงเทพฯ เตียงในโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น และนโยบายของไทยที่ต่อเนื่องว่าทุกคนที่ติดเชื้อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันทีเพื่อสังเกตและรักษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า แทนที่จะยุติการทดสอบ
รองผู้ว่าฯ ปิยะพงษ์ กล่าวถึงกลุ่มนักเดินทางในกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 คน ส่งผลให้ทั้งกลุ่มถูกย้ายไปสถานกักกันท้องถิ่นอื่นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ไม่พอใจกับสถานการณ์ กลุ่ม Sandbox เลือกที่จะกลับบ้านแทน เนื่องจากติดลบสำหรับโควิด-19 แต่มีความเสี่ยง พวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้ออกจากประเทศไทยและกลับบ้านได้
เจ้าหน้าที่ได้พยายามอธิบายว่าไม่ใช่ทุกคนที่มาถึง Phuket Sandbox วางแผนที่จะอยู่ในระยะยาว และบางคนมาในช่วงวันหยุดสั้น ๆ และเพิ่งจากไปเมื่อหมดเวลา มีรายงานว่า 3 กลุ่มออกจากภูเก็ตแล้ว และมีเพียงกลุ่มแรก กลุ่มที่ส่งไปยัง ALQ เมื่อสมาชิกในกลุ่มตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ได้ลดการเดินทางลงจริงๆ
กลุ่มที่ 2 ได้เดินทางไปท่องเที่ยวภูเก็ตช่วงสั้นๆ เพื่อไปทำธุระและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เสร็จแล้วก็บินกลับบ้านตามแผน กลุ่มที่ 3 เป็นนักท่องเที่ยวแต่มีแผนจะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น น่าจะเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลาพักผ่อนในวันหยุดยาวอีกต่อไป เซ็กซี่บาคาร่า